สมองและกล้ามเนื้อฝ่อจนบางส่วนขยับแทบไม่ได้ (๗๑.)



[ช่วงปีครึ่งที่เป็นคนไม่สนิทของคุณแม่]
ก็คงทำใจไม่ง่าย
ที่คุณแม่จำผมไม่ได้ว่าเป็นลูกชายคนเดียว
ผ่านมาราว 4 เดือนแล้ว
ที่ผมหาคนที่คุณแม่รู้สึกสนิทด้วย มาช่วยดูแล
ถือเป็นการสลับกันเป็นผู้ดูแล ไม่ซ้ำกันตลอด 7 วัน
ผู้ดูแล ก็มีลูก กับเพื่อนมาช่วยดูแลสลับกันไป
ทำให้ท่านได้คิดอะไรใหม่ทุกวัน พบเจอผู้คนตลอด
เดิมก็จะมีผมดูแลทุกเช้าค่ำ ไม่มีคนเปลี่ยนตลอดปีครึ่ง
ปัจจุบัน
เรื่องสมองก็ดีขึ้นเป็นลำดับในส่วนของการปรับตัว
คือ กลืนอาหาร และน้ำดีขึ้น
ขยับร่างกายเข้าห้องน้ำ
เดินจับระยะ 1 - 2 เมตรพอได้อยู่
ทำที่จับให้ท่านเยอะขึ้น ล้มยากขึ้นอีกหน่อย

[ปีครึ่งที่ผมขยับน้อย]
เรื่องคุณแม่ ผมก็เล่าไปเยอะแล้ว
ก็ขอเล่าเรื่องของตนเองบ้าง
จำได้ว่าช่วงท้ายของการดูแล
ผมมีอาการขยับร่างกายได้ไม่ดี ยกแข้งขาไม่ค่อยขึ้น
เพราะปีครึ่งขยับในระยะทางไม่ถึง 20 เมตร
หลังเปลี่ยนให้ผู้ดูแลมาแทน 5 วัน และผมกลับมาดูแล 2 วัน
พบว่า ร่างกายผมขยับได้ดีขึ้น เริ่มยกแข้งขาได้ไม่ติดขัด
สมองไม่รู้สึกเกร็งเมื่อต้องยกแข้งยกขา
แม้เดี๋ยวนี้ ขยับได้ดี
แต่รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อภายในน่าจะฝ่อไปเยอะแล้ว
จากการไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ปีเศษ
ตามธรรมชาติของกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้ก็จะหดตัว
เริ่มสังเกตว่าผมเดินช้ากว่าเดิม ขณะเดินขึ้นลงดอย
เพราะเพื่อนที่เดินด้วยกันเดินเร็วกว่า
ส่วนผมก็หอบแฮก ๆ ทุกครั้งที่ขึ้นลงดอย
มีบางวัน บางช่วงเวลาสมองไม่ตื่นตัว
อาจเป็นผลจากการดื่มกาแฟ และหยุดไป
พอได้กาแฟ ก็รู้สึกดีขึ้น
นี่ก็อาจเป็นข้างเคียงจากสารในกาแฟ พักนี้เริ่มเติมกาแฟถี่ขึ้น

[ไม่ขยับ ย่อมไม่แข็งแรง]
ร่างกายที่นั่งอยู่แต่ในสำนักงาน
ขยับสัก 5 - 10 เมตร
ก็คงไม่แข็งแรงเท่าการขยับสัก 100 - 200 เมตร บ่อย ๆ
การไม่ขยับเลย แขนขาก็จะแข็ง กล้ามเนื้อยึด และขยับไม่ได้ในที่สุด
สำหรับท่านใดที่เคยเข้าเฝือกจะทราบดี
คุณแม่ของผมก็เช่นกัน
ท่านมีผลข้างเคียงจากการเข้าเฝือกก่อนหน้านี้
ส่วนผมก็เห็นผลของการขยับน้อยในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา
จนยกแข้งยกขาได้ลำบาก
ทุกวันนี้ก็พยายามขยับ และขยับให้มากขึ้น
เพราะอยากขยับเขยื้อนคล่อง ๆ ไปอีกนาน ๆ
สัก 10 - 20 - 30 ปีก็ยังดี

ความคิดเห็น