เห็นคุณแม่ ก็เห็นตัวเอง (๗๖.)



[ปลุกจิตมาเขียนอีกครั้ง]
ผมหยุดเขียนต่อจากบันทึกเดิมเกือบครึ่งปี
คงเพราะจิตใจอ่อนแอลง ตามร่างกายคุณแม่
ช่วงที่ผ่านมาไม่มีกะจิตกะใจจะบอกเล่า
คงเพราะจิตใจอ่อนแอ
แม้เวลาผ่านมาจะครบสามปี ในอีกไม่กี่เดือน
นานแล้ว แต่ทุกครั้งที่กลับมาดูแล
เห็นท่านแข็งแรง ผมก็แข็งแรง
เห็นท่านอ่อนแอ ผมก็อ่อนแอ
ต้องทำใจให้เข้มแข็ง
แม้เข้าใจสัจธรรม ความเป็นไป ก็ยังทำใจยาก
เชื่อวิถีพุทธว่าคนเรามี เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เรื่องนี้เกิดกับทุกคน และจะมาในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า
ในอนาคต ผมอาจเป็นเหมือนท่าน
อาจเป็นโรคทางสมอง โรคทางใจ โรคทางกาย
ประกอบกับเห็นท่านเจ็บป่วย
ช่วยตัวเองไม่ได้ ก็รู้สึกทุกข์ไปกับท่าน จิตก็ป่วยตาม
ท่านคือคุณแม่ ที่ครอบครัวต้องร่วมสุขทุกข์ไปด้วยกัน
ที่สำคัญ ทุกข์เพราะ "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
รับรู้ความทุกข์ เรียนรู้ และปรับตัวที่จะอยู่ไปด้วยกัน

[ทานข้าวได้]
คุณแม่ทานข้าวได้ ไม่มีปัญหาเลย
ป้อนหมดคำ หมดจาน ไม่อิดออด
ไม่เลือกอาหารมาหลายเดือนแล้ว
ช่วงเที่ยงเน้นอาหารเบา เช่น ขนม นม เนย
สำลักน้ำบ้าง อาหารบ้าง เพราะกลืนไม่เก่ง
น้ำต้องอมก่อนกลืนเสมอ ต่างกับนม
เดี๋ยวนี้ท่านทานข้าวได้สบาย
เลือกอาหารนิ่มให้ ท่านจะอ้าปากรอเลย
เคี้ยวแล้วก็กลืน ไม่พูดโต้ตอบแบบเดิม
ถามมา ก็ตอบไป ตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

[เข้าห้องน้ำ]
โชคดี ที่ท่านพอจะยืนแบบเกาะราวเหล็กได้
ยืนตรงเองไม่ได้ เพราะขาอีกข้างยืนไม่เต็มเท้า
ควบคุมขับถ่ายไม่ได้เกือบสองปีแล้ว
ใส่แพมเพิส เมื่อผมไปดูแลช่วงเสาร์อาทิตย์
อยู่กับผู้ดูแลวันปกติ บางครั้งก็ปล่อยไม่ใส่
เช้ามา พาเข้าห้องน้ำ ก็จะเหนื่อยหน่อย
พออยู่ในห้องน้ำมีราวให้เกาะ
ก็จะอาบน้ำ ถูสบู่ สระผมให้ท่าน มีน้ำอุ่น
บางทีไหลไม่ทัน ท่านก็จะบ่นหนาว
บ่นในห้องน้ำ ก็จะเสียงแข็ง ๆ มีแรงขึ้นมา
ฟังเสียง บางครั้งผมก็ยิ้ม ไม่ค่อยได้ยินเสียงท่าน
แล้วก็นั่งดูทีวี ท่านดูรู้เรื่อง หัวเราะบ้าง
เครียดบ้าง เป็นตามเรื่องราวในทีวี
ไม่สนุกก็นั่งหลับ สลับกับพาไปนอนบ้าง
อยู่กับผมจะทานข้าว 3 มื้อเต็ม
นี่เป็นกิจกรรมที่ผมดูแลเสาร์อาทิตย์

ปล. ภาพแกงผัก ผมทานเอง ชอบที่คุณน้าทำให้ทาน
ส่วนคุณแม่วันนี้ทานข้าวต้มโจ๊ก เมื่อวานทานไข่พะโล้

ความคิดเห็น